จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

ข้างล่างนี้ ไม่ใช่พุทธวจน




พระไตรลักษณ์ :
            พระไตรลักษณ์หนักหน่วงในดวงจิต    สุขุมคิดตรึกตรองให้หนักหนา   พิศเพ่งเล็งเอาพระอนัตตาเป็นไม้เท้าก้าวหน้านำหนทาง    ทุกข์ขังตั้งไว้ให้มั่นคงคอยประจงชำระคอยสะสาง    อวิชชาพาหลงกำบังทางอนิจจังแผ้วถางให้ห่างไกล    อนิจจังตั้งไว้เป็นเค้ามูลอย่าให้สูญจากจิตพิศสมัย   ตัณหาพามืดเป็นบ้าใจอนิจจังดุจประไพประทีปเทียน   กำจัดมืดโมโให้ผ่องแผ้วดังแสงแก้วชูเชิดประเสริฐเศียร   เอาสติตั้งมั่นในความเพียรจิตจำเนียรก่อสร้างในทางธรรม   พระไตรลักษณ์ตักเตือนให้บริสุทธ์ดังมงกุฎเรืองอร่ามดูงามขำ  รัศมีสีใสวิลัยล้ำคือพระธรรมเกื้อกูลจำรูญงาม   บรรดาศีลบริสุทธ์ก็พร้อมเสร็จ  ดังเกราะเพชรสวมใส่ในสนาม   จะป้องกันอวิชชาสง่างามจะพาข้ามเขตกิเลสมาร    หัตถะประซ้ายทรงพระขันธ์อัเรืองศรี   คือขันติอดใจในสงสาร    สำหรับฆ่าพยาบาทให้ขาดกาม   พยามารพ่ายแพ้เพราะขันติ   หัตถะประขวาทรงคว้าอักธะราวุธอันบริสุทธ์สดใสจำเริญศรี   เมตตาพาจิตให้เปรมปรีด์ย่อมข่มขี่โทโสให้ม้วยมร
     กรุณาเป็นโยธาเบื้องขวาทับสำหรับรักษาสโมสร  มุทิตาเป็นโยธาซ้ายประกรณ์ไม่ย่อหย่อนต่อภัยสิ่งใดมา  เสนามารชาญองค์อะลงการก้แผ่พรหมวิหารอุเบกขา  ย่อมประหารมารม้วยให้มรณาคือปัญญาดังดวงมณีนิล  สำหรับส่องช่องมืดให้สว่างแจ่มกระจ่างคือดวงพระกสิน  ที่มืดมนอันทะการก็สูญสิ้นสุดสว่างกระจ่างใจ  เสด็จขึ้นนั่งเหนือหลังสิ้นทบชาติ  คืออิทธิบาททั้ง ๔ จะมีไหนผ่อนชักอาฌาพาเดินดำเนินไป  หนทางใหญ่ คือ อัฎฐังคิกมรรคา  ผลทานเป็นเสบียงลำเลียงส่งให้ข้ามดงแดนเขตกิเลสอันแน่นหนา  สัจจังตั้งไว้ให้นำพาวิริยะอุปถัมภ์เข้าค้ำชูไม่ย่อหย่อนผ่อนชักอาฌาชาญ  เสนามารแลเห็นก็อดสูพระยามัจจุราชก็ไม่อาจจะแลดู  ปิดประตูจตุราไม่อาวรณ์วิริยะล้ำเลิศประเสริฐนัก  เป็นแหล่งหลักปักแน่นไม่หลุดถอนดังหนึ่งปันพะตาพระเมรุทร ไม่ย่อหย่อนท้อถอยจากความเพียรสมาธิมั่นคงดำรงทาง   วิปัสสนาแผ้วถางซึ่งหนามเสี้ยน  สติปัฏฐาน ๔หนทางเตียน  ไม่วนเวียนพาส่งตรงนิพพานคือเมืองแก้วที่สถิตย์ผู้วิเศษ สิ้นกิเลสหมุนไหม้ในสงสารเสวยรมณ์ชุมสุขทุกประการ  ดับสังขารดับชาติสะอาดครัน สุขอันใดที่จะสุขเหมือนเมืองแก้วสุขยิ่งแล้วล้ำเลิศยิ่งทุกสิ่งสรรค์ พ้นวิสัยใครเลยจะตามทัน  เป็นมะหันตะมะโหโอราฬาร  สัปบุรุษสุจริตศรัทธาแท้อย่าเหลียวแลลุ่มหลงในสงสาร  เสวยรมณ์ชมสุขกิเลสมารย่อมสาทานทนทุกข์สุขไม่มี../


บทสวด พรหมา
     พรหมา จะโลกา ธิปะติ สะหัมปะติ กัตอันชะลี อันธิวะรัง อะยา จะถะ สันติธะ สัตตาป ปะระชักขะ ชาติกาเทเสตุธัมมัง อนุกัมปิมัง ปะชัง..
      (แปล) ท้าวสหัม บดีพรหมเอกบรมพรหมโสฬส  รู้คสวามตาปรากฏลือทั่งหมดในโลกสาม  เจ้าชายสิทธัสถะทรงสละโลกีย์กาม  บรรพชาพยายามแสวหาโพธิญาณ  ท่านพบแล้วแก้วประเสริฐของล้ำเลิิศใครเปรียบปาน  อมตะพระนิพพานโพธิญาณสัพพัญญู  หกพรรษาหามรรคผลพระทศพลตรัสรู้  ไม่มีอาจารย์ครูท่านผู้รู้คือพุทโธ  พุทโธโพธสัตว์พรหมน้อมหัตนะมัสโส  เศียรค้อมน้อมมะโนขอพุทโธโปรดประทาน  นิมนต์พระคุณเจ้าโปรดชี้กล่าวคำบรรหาร  แสดงธรรมคำวิจารณ์จงประทานเทศนา  สั่งสอนสัตว์กำจัดทุกข์บอกทางสุขแก่เทวดา  ทั่วเทพมนุษย์สาโปรดเมตตาสัตว์ผู้ยาก  โปดให้ได้รับสุขกำจัดทุกข์ผู้ลำบาก  อวิชชาหนาแน่นมากสัตว์ลำบากเพราะเวรกรรม 
        พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งช่วยแสดงช่วยแนะนำ  นำสัตว์ตัดเวรกรรมเอาพระธรรมมาแจกจ่าย  ผู้ใดปฏิบัติย่อมกำัจัดพวกมารร้าย  พระองค์ทรงนำให้  บอกทางไว้ไปสวรรค์ทางดีนี้ทางสุข  ทางที่ทุกข์อย่าบุกบั่น  ทางธรรมสำราญครันเกษมสันต์สุขสบาย  เราท่านทั้งหลายเอยอย่าหลงเลยจนลืมตาย  ตายจริงทั้งหญิงชายทั้งร่างกายก็สูญเปล่า  ถมพื้นปฐพีถึงจนมีทั้งเราเขา มีทรัพย์นับสำเภาไม่ได้เอาติดตัวไป  เนื้อเลือดของเราแท้ต้องทิ้งแน่เข้ากองไฟ  บุญกรรมนำติดไปพวกเราไซร้ลองคิดดู../  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น